Last updated: 9 ส.ค. 2566 | 220 จำนวนผู้เข้าชม |
อะไรช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา ได้บ้าง หากรอยคล้ำรอบดวงตาของคุณที่ดูเข้มขึ้น มาจากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถทำให้คุณดูแก่และไม่สดใสเอามาก ๆ รอยคล้ำใต้ตา หมายถึง ผิวหนังบริเวณใต้ดวงตาของคุณดูคล้ำ บริเวณนี้อาจปรากฏเป็นเฉดสีฟ้า สีม่วง สีน้ำตาล หรือสีดำ ขึ้นอยู่กับสีผิวตามธรรมชาติของคุณ ถึงแม้ว่ารอยคล้ำใต้ตาจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเกี่ยวกับสุขภาพ แต่สำหรับสาว ๆ ที่รักสวยรักงามแล้ว รอยคล้ำรอบดวงตาถือเป็นตัวลดความมั่นใจ และสร้างความไม่สดใสให้กับใบหน้าของเราอีกด้วย
สาเหตุของรอยคล้ำใต้ตาส่งผลกระทบต่อคนทุกเพศ ทุกวัย และทุกเชื้อชาติ ไม่ว่าคุณจะมีผิวประเภทไหน ก็สามารถเกิดรอยคล้ำใต้ตาได้เช่นกัน รอยคล้ำใต้ตานั้นพบได้บ่อยในคนบางกลุ่ม เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีประวัติครอบครัวมีรอยคล้ำใต้ตา ผู้ที่มีสีผิวคล้ำ ซึ่งจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน และสำหรับคนที่อายุยังไม่เยอะ ที่มีใต้ตาคล้ำนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะกิจวัตรประจำวันที่ทำให้เราจะต้องใช้สายตามาก และพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อรอยคล้ำใต้ตาได้ทั้งนั้น
รอยคล้ำใต้ตาเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของความหมองคล้ำ คือ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อคุณอายุมากขึ้น ผิวหนังใต้ตาของคุณจะเริ่มคลายตัวและบางลง ดังนั้นเส้นเลือดใต้ผิวหนังของคุณอาจมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น อาจทำให้ใต้ตาคล้ำได้อย่างเห็นได้ชัด แต่ในคนที่มีอายุน้อยก็สามารถเกิดรอยคล้ำใต้ตาได้เช่นกัน โดยจะมีสาเหตุดังต่อไปนี้
ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และการสูบบุหรี่ อาจทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผิวรอบดวงตาได้เช่นกัน
จริง ๆ แล้ว รอยคล้ำใต้ตา ในแต่ละคนนั้นอาจจะมีปัญหาที่มากน้อยไม่เท่ากัน ทำให้การดูแลรักษารอยคล้ำใต้ตามีวิธีการที่หลากหลายมาก ๆ อะไรช่วยลดรอยคล้ำใต้ตา หากคุณต้องการลบรอยคล้ำอย่างรวดเร็วและถาวร คือ แพทย์ผู้ให้บริการด้านความงาม ที่มีตัวเลือกการรักษาสำหรับสภาพผิวของคุณ สามารถรักษาสำหรับรอยคล้ำใต้ตาของคุณได้ และสำหรับใครที่มีปัญหาไม่มากการเลือกใช้เพียงสกินแคร์ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน วิธีการลดรอยคล้ำใต้ตา ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมีดังนี้
อายครีม คืออะไร เป็นตัวช่วยที่ปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายต่อดวงตาที่สุด ซึ่งจะมีส่วนผสมที่ช่วยฟื้นฟูใต้ตาอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น วิตามินซี , ไฮโดรควิโนน , เปปไทด์ , เซราไมด์ , กรดไฮยาลูโรนิก สามารถช่วยให้รอยคล้ำใต้ตาของคุณจางลงได้ สำหรับ eye cream ที่ใช้แล้วปลอดภัยมากที่สุดคือ eye cream ที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ อย่าง UNDER EYE DARK CIRCLE BRIGHTENING EYE CREAM ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ที่จะช่วย ซ่อมแซม ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาภายใน 4 สัปดาห์
การทำเลเซอร์สามารถช่วยปรับสีผิว และกระชับผิวของคุณ การทำเลเซอร์นั้นก็มีความอันตรายอยู่มาก จึงจะต้องทำกับคลินิกความงามที่มีแพทย์เฉพาะทางดูแลอย่างใกล้ชิด และต้องมีเครื่องมือการแพทย์ที่ปลอดภัยเหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ เช่น Picosecond Laser , Q-switched laser , Vascular laser เป็นต้น ซึ่งสามารถช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารเติมเต็มแบบฉีด เช่น เจลกรดไฮยาลูโรนิก หรือที่เรามักเรียกกันว่า ฟิลเลอร์ สามารถเพิ่มเติม และเติมเต็ม ปริมาณผิวที่เกิดร่องลึก และช่วยให้ผิวของคุณเรียบเนียนขึ้น โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา สำหรับใครที่มีใต้ตาลึก จนทำให้เกิดความหมองคล้ำที่เห็นได้ชัด การฉีดสารเติมเต็มอย่าง ฟิลเลอร์ ลงไปจะทำให้ผิวตื้นขึ้น และลดความหมองคล้ำได้ดี แต่การฉีดฟิลเลอร์จะต้องเลือกใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับผิวบริเวณใต้ตา และต้องเป็นแพทย์เท่านั้นที่เป็นคนฉีดให้
ในขั้นตอนที่เรียกว่าการทำตาชั้นนอก ไขมันและผิวหนังส่วนเกินจะถูกเอาออกจากบริเวณดวงตาของคุณ เพื่อให้รอยคล้ำใต้ตาหายไป สำหรับการผ่าตัดยังสามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอย และปัญหาหนังตาที่ตก หรือขนตาทิ่มตาได้อีกด้วย แต่หลังจากการทำรูปตาของคุณอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้เช่นกัน
ในการรักษาแต่ละรูปแบบนั้นจะมีกระบวนการ และระยะเวลาที่แตกต่างกันไป อย่างการใช้ครีมบำรุงใต้ตาอาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูผิว เช่น UNDER EYE DARK CIRCLE BRIGHTENING EYE CREAM จาก BIOBALANCE จะเห็นผลใน 4 สัปดาห์เท่านั้น และการทา eye cream ที่มีประสิทธิภาพสูงก็ไม่จำเป็นต้องไปเจ็บตัวกับตัวช่วยอื่น ๆ และเป็น ครีมทาใต้ตา ถูกและดี
แต่สำหรับการทำ การรักษาด้วยเลเซอร์ ก็อาจจะใช้เวลาในการทำลายความหมองคล้ำ หากมีความเข้มสูงอาจจะต้องรักษาด้วยเลเซอร์ 3-5 ครั้งขึ้นไป สำหรับการฉีดสารเติมเต็มด้วยฟีลเลอร์จะเห็นผลได้เลยทันทีหลังฉีด ซึ่งฟีลเลอร์อาจจะอยู่ได้ 6-12 เดือนเท่านั้น และมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากอีกด้วย ทำให้การรักษาการลดรอยคล้ำใต้ตาจึงจะต้องค่อย ๆ เลือกวิธีที่เหมาะกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อตอบโจทย์การรักษามากที่สุด
24 ก.ค. 2566
9 ส.ค. 2566